CIVIL จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 2568 มติอนุมัติจ่ายปันผลประจำปี 2567 อัตราหุ้นละ 0.02 บาท คิดเป็น 33% ของกำไรสุทธิฯ Record Date 6 พ.ค. กำหนดจ่ายเงินปันผล 23 พ.ค. ตอกย้ำทิศทางธุรกิจปีนี้เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ FAST พร้อมบริหารจัดการต้นทุนและกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ
นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ผู้นำบริษัทก่อสร้างครบวงจรชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลอัตราหุ้นละ 0.02 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 14.00 ล้านบาท หรือ คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ที่ 33% ของกำไรสุทธิของบริษัทหลังหักสำรองตามกฎหมาย โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 6 พ.ค. 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พ.ค. 2568
สำหรับทิศทางธุรกิจปี 2568 บริษัทเชื่อว่าจะสามารถดำเนินงานและรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานได้ตามแผนที่วางไว้ อีกทั้ง เตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการภาครัฐและเอกชน ตั้งเป้าหมายเพิ่มปริมาณงานในมือ (New Backlog) มูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) รวมทั้งสิ้น 24,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่ลงนามสัญญาแล้วมูลค่า 14,300 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2571
นอกจากนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนและกระแสเงินสดในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน ท่ามกลางปัจจัยความท้าทายที่ก่อให้เกิดความผันผวน เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการรักษาศักยภาพในการทำกำไรที่ดี ส่งผลให้ที่ผ่านมาบริษัทมีกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน (Net Operating Cash Flow) เป็นบวกอย่างต่อเนื่อง
ด้านการดำเนินงาน บริษัทให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยผ่านการรับรองมาตรฐานสากล ได้แก่ ISO 9001 มาตรฐานสากลสำหรับการสร้างระบบการจัดการคุณภาพ, ISO 14001 มาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม, และ ISO 45001 มาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย แสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างบริการที่มีคุณภาพ คำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด ทั้งแก่พนักงาน ผู้ว่าจ้าง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
“CIVIL ยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคงภายใต้กลยุทธ์ FAST มุ่งเน้นผลลัพธ์ทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน ด้วยการบริหารโครงการ และควบคุมการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทีมงานมืออาชีพ ประกอบกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบผลงานที่มีคุณภาพตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ และสร้างผลตอบแทนอย่างมั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยที่มุ่งมั่นเติบโตบนรากฐานของความยั่งยืน” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว