CIVIL เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2568 รายได้รวม 1,126 ล้านบาท เติบโต 9% กำไรสุทธิ 7 ล้านบาท ส่งมอบงาน 4 โครงการตามแผน พร้อมรับรู้รายได้จากความคืบหน้าของงานต่อเนื่องในไตรมาส 2/2568 และทยอยส่งมอบงานในครึ่งปีหลัง 2568
นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ผู้นำบริษัทก่อสร้างครบวงจรชั้นนำของไทย เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 1,126 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,030 ล้านบาท จำนวน 96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9% และมีกำไรสุทธิ 7 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากการส่งมอบงานก่อสร้างสำเร็จตามแผนที่กำหนดไว้ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างงานจ้างเหมาปรับปรุงการแบ่งทิศทางการจราจรเพื่อความปลอดภัยบนทางหลวงหมายเลข 4 ตอน เขาคราม – ตลาดเก่า, โครงการบูรณะผิวแอสฟัลต์ ทางหลวงหมายเลข 3454 ตอนท่าช้าง – วิเศษชัญชาญ,โครงการงานบำรุงถนนสาย อท.2033 แยกทางหลวงชนบนหมายเลข 32 – บ้านนา อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง, งานก่อสร้างวางท่อประปาและงานที่เกี่ยวข้องพร้อมโครงการก่อสร้างสายพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต ตอน 2
นอกจากนี้ บริษัทยังทยอยรับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างใหม่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งช่วยสนับสนุนรายได้ในภาพรวมให้เติบโตอย่างมั่นคง พร้อมกันนี้ รายได้จากการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ในการกระจายแหล่งที่มาของรายได้ ไปยังธุรกิจที่นอกเหนือจากงานรับเหมาก่อสร้าง
แม้ว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2568 จะปรับตัวลดลงจากการปรับเพิ่มประมาณการต้นทุนของโครงการก่อสร้างในกลุ่มงานรถไฟ บริษัทยังคงบริหารจัดการโครงการอย่างรอบคอบ เพื่อควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และเดินหน้าส่งมอบงานตามแผนที่วางไว้ ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นถือเป็นการลงทุนเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็ง แกร่งและรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว ทั้งนี้ บริษัทยังคงสามารถรักษาระดับรายได้รวมได้อย่างต่อเนื่อง และปัจจัยดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการเติบโตโดยรวมของบริษัท
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทคาดว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยทยอยรับรู้รายได้จากความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างที่อยู่ในมือ รวมถึงโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการรอลงนามในสัญญา อีกทั้งยังมีแผนการส่งมอบงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง และเสริมสร้างรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงของบริษัทในระยะยาว
