CCP ทิศทางธุรกิจ Q1/2568 สัญญาณดี การเร่งลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ หนุนการลงทุนภาคเอกชน ดันความต้องการคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) เพิ่ม เดินหน้าลุยพัฒนาผลิต ภัณฑ์เน้นเทคโนโลยีกระบวนการผลิตคุณภาพสูง ลดการปล่อยคาร์บอน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า เร่งประมูลงานเพิ่ม หนุน (Backlog) ไม่ต่ำกว่า 1,850 ล้านบาท ด้านธุรกิจย่อย CHARLIE ธุรกิจจัดการคลังสินค้า Free Zone ทยอยรับรู้กำไรเพิ่ม เผยผลประ กอบการปี 2567 รายได้รวม 2,769.68 ล้านบาท กำไรสุทธิ 118.06 ล้านบาท กำไรเฉพาะกิจการ 84.92 ล้านบาท โต 83.16% เตรียมเสนอเคาะจ่ายปันผล 0.01 บาท/หุ้น
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในไตรมาส 1/2568 มีสัญญาณที่ดี ปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการลงทุนก่อสร้างโครงการของภาครัฐที่คาดว่าจะเร่งขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และส่วนภูมิภาค อาทิ งานโครงการรถไฟฟ้า และงานก่อสร้างระบบรางเส้นทางใหม่ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ EEC ผลักดันให้ภาคเอกชนเริ่มกลับมาลงทุนในโครงการต่างๆ มากขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) เพิ่มสูงขึ้น ผลักดันให้ผลประกอบการจะอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
บริษัทเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป(Precast) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำเทคโนโลยี นวัตกรรมเข้ามาช่วยพัฒนากระบวนการผลิต มุ่งเน้นการผลิตที่ลดการปล่อยคาร์บอน สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable development) สอดรับเทรนด์การก่อสร้างที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม หรือ “ก่อสร้างรักษ์โลก” ที่กำลังได้รับความนิยม ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะเจาะจงของลูกค้าโครงการภาครัฐ ผู้ประกอบการงาน Landscape ขนาดกลางและเล็กทั่วประเทศ ช่วยเพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน
อีกทั้ง บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชัน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยด้านบริหารจัดการคลังสินค้า Free Zone (เขตปลอดอากร) ได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้ความต้องการพื้นที่จัดเก็บสินค้าและบริการโลจิสติกส์ ที่ครบวงจรเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับผลประกอบการเฉพาะกิจการ ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 1,658.31 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,665.87 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 84.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 83.16% จากการบริหารจัดการต้นทุนขาย และต้นทุนพลังงานที่ลดลง
ในขณะที่ ผลประกอบการรวมปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 2,769.68 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,004.77 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 118.06 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 156.32 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนผลประกอบการโดยรวมปรับตัวลงจากผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ SMART ลดลงตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ฯ
“อย่างไรก็ตาม การปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดรับกับความต้องการการก่อสร้างยุคใหม่ อีกทั้ง เร่งเดินหน้าประมูลงานจากทั่วประเทศเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,850 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.01 บาท หรือคิดเป็น 32.59% ของกำไรสุทธิ คิดเป็นจำนวนเงินปันผล 27.68 ล้านบาท โดยมติดังกล่าวจะถูกนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนเมษายน เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป”