คนสมัยนี้ นอกจากสายตาสั้นแล้ว ผู้คนส่วนมากยังมักเป็นโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับ ตา กันมากขึ้น โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่จะคิดว่า ต้อหิน เป็นโรคที่เกิดในผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันคนในวัย 20-40 ปีก็เป็นต้อหินกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในวัย 20-30 ปีที่เป็นโรคนี้เพิ่มขึ้นกันอย่างน่าตกใจ ต้อหินอาจกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาบอดได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี อันที่จริงสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นตาบอดก็คือโรคต้อหินนั่นเอง..
ต้อหินเป็นโรคที่เกิดจากการที่ความดันในตาเพิ่มสูงขึ้นแล้วไปทำลายเส้นประสาทตาจนทำให้ลานสายตา หรือขอบเขตของการมองเห็นภาพด้านข้างขณะที่มองตรงแคบลง หากจักษุแพทย์ตรวจความดันตาแล้วได้ค่ามากกว่าปกติ 10-21 มม. ปรอท จะถือว่าเสี่ยงเป็นต้อหิน แต่ระยะหลังมานี้กลับมีผู้ป่วย ต้อหินความดันตาปกติ เพิ่มมากขึ้น ทั้งที่ความดันตาอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่เนื่องจากระบบการไหลเวียนของเลือดไม่ดี จึงเป็นสาเหตุให้ขั้วประสาทตาเสื่อมลงจนมองไม่เห็นในที่สุด และในจำนวนผู้ป่วยต้อหินทั้งหมดมีผู้ป่วยกลุ่มนี้ประมาณ 70%
ด้วยเหตุนี้ จึงมีการตรวจจอประสาทตาพร้อมกับการตรวจความดันตา โดยจะทำการถ่ายภาพเส้นประสาทตาซึ่งเป็นเส้นใยที่รวมกันเป็นมัด เพื่อนำมาวินิจฉัยว่ามีรูปร่างผิดปกติหรือไม่ แต่ยังมีปัญหาอีกอย่างนึง ในการตรวจจอประสาทตา หากมัดเส้นในประสาทซึ่งมีจำนวนกว่า 2 ล้านเส้นไม่ลดลงสัก 8 แสนเส้นหรือประมาณครึ่งหนึ่ง เราก็จะไม่สามารถตรวจสอบได้ ยิ่งไปกว่านั้น โรคต้อหินไม่มีอาการเจ็บปวด ผู้ป่วยที่เริ่มเป็นจึงไม่รู้ตัว และกว่าจะรู้ตัวก็มองไม่เห็นเสียแล้ว จึงมีผู้ป่วยที่มาเข้ารับการรักษาอย่างร้อนรนไม่ขาดสาย..
นอกจากนี้ ในกรณีของโรคต้อหินที่เกิดจากความดันตาสูง นิยมรักษาด้วยการให้ยาหยอดตาเพื่อลดความดันในตาแล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะใช้ยาหยอดตาอยู่หลายปี ก็ไม่อาจระงับอาการไม่ให้ทรุดลงกว่าเดิมได้ จึงมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาขอคำปรึกษากับผมในสภาพที่ใกล้จะตาบอดเต็มทีแล้ว สิ่งที่คิดว่าเป็นปัญหาอยู่เสมอก็คือ ไม่ว่าจะสายตาสั้นหรือต้อหิน ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดและบุคลาการทางสาธารณสุขกลับไม่เคยมองไปยังสาเหตุที่แท้จริงแม้แต่น้อย..
ในขณะที่ถ้าเป็นโรคอื่นจะระบุสาเหตุแล้วหาทางแก้ปัญหา เช่น ถ้ากินอาหารมันมากไปจนอ้วน ก็ให้ปรับพฤติกรรมการกิน ถ้ามีไขมันในช่องท้องมากเพราะขาดการออกกำลัง ก็ให้พยายามเดินให้มากขึ้น การที่ทุกอย่างแย่ลงย่อมต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน ทั้งที่ควรจะแก้ปัญหาที่ต้นตอ แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ตา ทุกคนกลับพูดว่า ช่วยไม่ได้ และพอใจกับแค่สวมแว่นตาหรือใช้ยาหยอดตาเท่านั้น..
ที่มา : Tartoh.com, Konno Seishi, marumura.com