14 พฤศจิกายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย เพราะศาสตร์แห่งพระราชา นวัตกรรมแห่งพระอัจฉริยภาพ ได้ก่อเกิดขึ้นด้วยพระเมตตาจากพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร องค์พระบิดาแห่งฝนหลวงที่ทรงมีต่อพสกนิกรทั้งแผ่นดิน
นับจากวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ที่พระองค์ท่านทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของราษฏรจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค
ขณะที่ทรงแหงนพระพักตร์เห็นบนฟ้ามีเมฆลอยผ่านไป ณ วินาทีทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำให้กับพสกนิกร
14 ปีนับจากนั้นที่พระองค์ทรงใช้เวลาศึกษา วิเคราะห์วิจัย ทบทวนเอกสาร รายงานผลการศึกษาและข้อมูลต่างๆ และทดลองด้วยพระองค์เอง ร่วมกับหม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้รับสนองพระราชดำริ แล้วน้ำฟ้าหยาดแรกจากพระราชดำริของพระองค์ท่านก็หลั่งลงสู่ดินในปี 2512 ซึ่งผลการปฏิบัติการครั้งนั้น เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการบังคับเมฆให้เกิดเป็นฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ดังนั้น ในวันที่ 19 ตุลาคม 2515 ปฏิบัติการฝนหลวงจึงเกิดขึ้นเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก อันนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันที่สุดมิได้แก่ชาวไทย
การจัดงาน “14 พฤศจิกายน วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” ปีนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมกับ 18 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ หน่วยงานความร่วมมือทั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศ กองทัพอากาศ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) จัดพิธีถวายราชสักการะ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ขององค์พระบิดาแห่งฝน ระหว่างวันที่ 14 – 16 พฤศจิกายนนี้ ณ ลานอเนกประสงค์ อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ หลักสี่
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า “ฝนหลวง ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ที่เกิดจากพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน เป็นนวัตกรรมที่ทรงทุ่มเทพระสติปัญญา พระวรกาย และพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ นอกเหนือจากพระวิริยะอุตสาหะและพระปรีชาสามารถ จนประสบผลสำเร็จเป็นนวัตกรรม “เทคโนโลยีฝนหลวง” ที่ได้รับการยอมรับของนานาประเทศทั่วโลก
ได้รับการจดสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธยของพระองค์ท่านทั้งในประเทศและต่างประเทศ ฝนหลวงจึงเป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติในการเอาชนะภัยธรรมชาติ ทำให้ประชาชนและประเทศชาติรอดพ้นวิกฤติ ภัยแล้งมาได้ปีแล้วปีเล่า จึงควรที่คนไทยทุกคนต้องน้อมรำลึกถึงพระองค์ท่านในทุกครั้งที่เม็ดฝนหล่นจากฟ้า”
มาถึงวันนี้ ฝนหลวงพระราชทานได้สร้างคุณูปการให้แก่เกษตรกรและประชาชนอย่างเหลือคณานับ ทั้งความผาสุก ความมั่นคง ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศมายาวนานกว่า 60ปี และจะยังยืนหยัดปฏิบัติภารกิจสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ท่านตลอดไป ดังนั้น การจัดงาน 14 พฤศจิกายน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” ปีนี้ งานจะเริ่มตั้งแต่ 7.00 น. ถึง 18.00 น. จึงขอเชิญทุกหน่วยงาน ประชาชนไปร่วมงานครั้งนี้ ภายในงานจะได้พบตลาดนัดยุคใหม่ที่เพียบพร้อมด้วยผักสด ผลไม้สด อาหาร เครื่องดื่มปรุงสด ผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ รวมทั้งตลาดข้าวอินทรีย์ GAP ของชาวนากลุ่มวิสาหกิจต่างๆ
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเสริมว่า การจัดงานวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ปีนี้ จัดภายใต้แนวคิด “ธ สถิตในดวงใจตราบนิรันดร์” นำเสนอเทคโนโลยีนิทรรศการแผ่นภาพผ่านเพลง “ฝนของพ่อ” “หนึ่งในโลก” และเพลง “เลี้ยงเมฆ”นิทรรศการเรื่องเล่า “9 นวัตกรรมแห่งพระอัจฉริยภาพ” “ตำนานของฝน” และ 20 นิทรรศการจาก 20 หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานความร่วมมือที่จะนำเสนอพระราชกรณียกิจผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และการสนองงานพระราชดำริของพระองค์ท่าน
นอกจากนี้ กรมฝนหลวงฯ ยังร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกข้าวแปลงใหญ่ ต.คอรุม จ.อุตรดิตถ์ และกลุ่มวิสาหกิจชุมนุมศูนย์ข้าวจากเพชรบูรณ์ สุรินทร์ อยุธยา อุบลราชธานี จัดตลาดนัดข้าวอินทรีย์แท้ GAP ราคาชาวนาเริ่มต้นราคากิโลกรัมละ 20 บาท ข้าวฝนหลวงนาทีทองกิโลกรัมละ 10 บาท สินค้าเกษตรนานาชนิดสด กรอบ ปลอดภัย ผลไม้สด อาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป และผลิตภัณฑ์จากหม่อนไหม
อีกทั้ง เรายังจัดเตรียมกิจกรรมให้ผู้เข้าชมงานได้รับทั้งความรู้ การสร้างอาชีพ โดยจัดสาธิตสอนทำอาหาร การออกแบบหีบห่อ วิธีการเขียนตำนานให้ผลิตภัณฑ์ให้น่าสนใจโดยครีเอทีฟและ ก๊อปปี้ไรซ์เตอร์มืออาชีพจากวงการโฆษณารวมทั้งพบกับเหล่าศิลปินมากคุณค่า เช่น วินัย พันธุรักษ์ ว.วัชญาน์ อุมาพร บัวพึ่ง ศรีสุดา เริงใจ รัฐ สอนระเบียบ และสัญญา พรนารายณ์ ที่จะมาอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์
จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมงาน “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง” ในวันเวลาดังกล่าว เพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้และร่วมถวายสักการะแด่ “องค์พระบิดาแห่งฝนหลวง” พระผู้พลิกฟื้นชีวิตให้แก่ชาวไทยทุกผู้ทุกนาม
ที่มา : http://www.komchadluek.net/