พลู ถูกจัดอยู่ในกลุ่มไม้เลื้อย เป็นพืชใบเดี่ยว มีรูปทรงคล้ายหยดน้ำปลายแหลม ผิวของใบมีลักษณะมันเงา โดยแต่ละข้อของใบจะมีรากสั้นๆอยู่โดยรอบ พลูมีรสเผ็ดร้อน นิยมนำมาทาด้วยปูนแดง เพื่อใช้เคี้ยวร่วมกับหมาก นอกจากนี้แล้ว ยังใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องเซ่น ในงานพิธีมงคลต่างๆ มีประโยชน์หลายด้าน
คุณสมบัติทางยาของพลูมีมากมาย อาทิ ใช้ในการออกฤทธิ์เป็นยาชา ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือด และยังมีสรรพคุณช่วยต้านเชื้อราจากโรคผิวหนัง มีความสามารถในการฆ่าโรคและยังมีส่วนช่วยในการยั้บยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้หลายชนิด ส่งผลในการรักษา โดยช่วยลดอาการปวด จากแมลงสัตว์กัดต่อย
พลู เป็นพืชที่ปลูกได้ทุกสภาพพื้นที่ และ ทุกฤดูกาล แต่ถ้าจะให้ผลผลิตดีที่สุด ต้องปลูกในสภาพอากาศร้อนชื้น และมีแสงแดดแรง จนไปถึงแรงมาด ขั้นตอนการเริ่มต้นการปลูก ให้เตรียมขุดหลุมลึกประมาณครึ่งฟุต กว้างขนาดหนึ่งฟุต กิ่งพันธุ์ที่จะปลูก ต้องเป็นยอดที่ขยายพันธุ์โดยการชำ และดินที่ใช้คือดินร่วนเท่านั้น
ระยะปลูกระหว่างต้นในแต่ละแถว อยู่ราวๆสี่ฟุตคูณห้าฟุต และให้น้ำเพียงแค่วันเว้นวัน สำหรับเรื่องปุ๋ย ให้ลงเพียงแค่เดือนละสองครั้ง หลังจากปลูกไปแล้วสามเดือนจึงเก็บใบขายได้ แต่อย่าปล่อยนานจนใบแก่เกินไป
ในพื้นที่ขนาดหนึ่งไร่ ปลูกได้ราวๆสามร้อยต้น ถ้าต้นกล้าหนึ่งต้นมีราคายี่สิบบาท บวกกับค่าติดตั้งโรงเรือน พร้อมระบบส่งน้ำพื้นที่หนึ่งไร่ จะต้องใช้เงินทุนประมาณสี่หมื่นบาท ตลาดซื้อขายแหล่งใหญ่คือ ปากคลองตลาด และยังสามารถส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้อีกด้วย ตลาดของใบพลู มักนิยมกันเพียงสามขนาด
ราคาจำหน่ายตามขนาดจะแตกต่างกันดังนี้ ขนาดใบใหญ่ ราคาประมาณเจ็ดสิบบาทต่อกิโลกรัม ส่วนขนาดกลาง เป็นขนาดที่ตลาดต้องการมากที่สุด ราคาประมาณหนึ่งร้อยบาทต่อกิโลกรัม ส่วนใบเล็ก ทั่วไปจะอยู่ที่กิโลกรัมละสามถึงห้าสิบบาท ทั้งนี้ราคาจะผันผวนไปตามแต่ความต้องการของใบพลู ณ ช่วงเวลานั้นอีกด้วย
====================================================================
————— CREDIT —————
www.zocialx.com
www.prachachat.net
www.me-deekrab.com
www.thaiarcheep.com
facebook/passakron.kasamkun
tubotanicalgarden.blogspot.com
————————————–
====================================================================