หลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้ออกกฎกระทรวงรองรับ “ไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ” เพื่อที่จะได้เป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว ยังได้ผลักดันให้มี กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมให้ประชาชนปลูกไม้ยืนต้นมูลค่าสูงที่ปลูกอยู่ในที่ดินกรรมสิทธิ์ เพื่อการออมและสร้างมูลค่าในทางเศรษฐกิจ อีกทั้งประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากต้นไม้ในระหว่างการปลูกได้ ด้วการนำไปเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เพื่อกู้ยืมเงินกับสถาบันการเงินต่าง ๆ และสำคัญคือ การปลูกต้นไม้เหล่านี้ยังเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าให้กับประเทศไทยของเรา อีกด้วย
ในส่วนของการประเมินมูลค่าไม้ยืนต้นนั้น เพื่อรับเป็นหลักประกันทางธุรกิจ มีอยู่ 3 วิธีดังนี้ วิธีที่ 1) ประเมินโดยคิดจากต้นทุน มูลค่าจะเท่ากับผลรวมของต้นทุนทั้งหมดในการพัฒนาผลผลิต และ วิธีที่ 2) ประเมินโดยเปรียบเทียบราคาตลาด จากการวิเคราะห์มูลค่าการซื้อขายต้นไม้จริง ของราคาข้อมูลทางสถิติ และ ราคาไม้แปรรูปในตลาดเปิด ส่วนวิธีสุดท้ายคือ 3) คิดจากรายได้ คือ การประเมินมูลค่าผลประโยชน์ตอบแทนสุทธิ ที่จะได้มาในอนาคต ซึ่งวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับประเทศไทยคือ การประเมินราคาโดยเปรียบเทียบราคาตลาด
สำหรับไม้ยืนต้น ที่กำหนดตามบัญชีท้ายกฎหมายว่าด้วยสวนป่า ทั้งหมดจำนวน 58 ชนิด ก็จะมีดังนี้
และ หากอยากทราบ -วิธีปลูกไม้มีค่า- เข้าไปคลิ๊กดูตามภาพ ได้ตามนี้ครับ >> BangkokEstate.co.th
เครดิตภาพทั้งหมดจาก https://www.facebook.com/pg/www.bangkokestate.co.th