ในยุคปัจจุบันที่การจราจรในกรุงเทพฯ ติดหนึบหนับอันดับหนึ่งของโลก ส่งผลให้เทรนด์ที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนท์ และหอพักที่อยู่ใกล้กับสถานศึกษามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง กลุ่มผู้ปกครองที่มีกำลังซื้อมากพอก็มักซื้อคอนโดมิเนียมไว้ให้ลูกหลานพักอาศัยในระหว่างเรียน
การลงทุนคอนโดมิเนียมถ้าไม่ใช่ทำเลทองจริงๆ หรือว่าไม่ได้อยู่ใกล้สถานศึกษาโอกาสที่จะไม่คุ้มค่ามีเยอะมาก และที่สำคัญคือ คู่แข่งอย่างอพาร์ทเมนท์และหอพักซึ่งกระจายอยู่รอบสถานศึกษาก็มีระบบการดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับผู้เช่าตลอด 24 ชั่วโมง ยกตัวอย่าง กรณีแอร์ไม่เย็น ทางอพาร์ทเมนท์หรือหอพักจะแก้ไขปัญหาให้ผู้เช่าได้สะดวกและรวดเร็วกว่า ในขณะที่คอนโดมิเนียมจะต้องติดต่อไปยังนิติบุคคลให้ติดต่อเจ้าของคอนโดมิเนียม เพราะนิติบุคคลไม่มีอำนาจในการสั่งซ่อม
ถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่าทั่วไปกับคอนโดมิเนียมรอบสถานศึกษา แน่นอนว่าคอนโดมิเนียมรอบสถานศึกษามีโอกาสการลงทุนมากกว่า เนื่องจากมีดีมานด์ที่แน่นอน แต่ข้อเสียที่เหมือนกันหมดก็คือ เมื่อมีดีมานด์ขึ้นมา ซัพพลายก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และผู้เช่าส่วนใหญ่ก็ต้องการที่จะอยู่ห้องใหม่ๆ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องดูแล ถ้าห้องเก่าทรุดโทรม ก็ไม่มีใครอยากเช่า แนะนำว่า เมื่อปล่อยเช่าไปในระยะหนึ่งแล้วก็ควรจะเป็นการขายในลักษณะของ “ขายพร้อมผู้เช่าคอนโดมิเนียม” ซึ่งมักจะขายง่าย ได้ราคา และมีกำไร จากนั้นก็นำเงินไปซื้อคอนโดมิเนียมใหม่จะดีกว่า
ในส่วนของพ่อแม่ผู้ปกครองที่คิดจะลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมใกล้สถานศึกษาให้ลูกพักอาศัย ในระหว่างเรียน และมองว่าจะสามารถต่อยอดการลงทุนต่อไปในอนาคต โดยอาจจะปล่อยเช่าหรือขายต่อ เป็นสิ่งที่ต้องคิดให้รอบคอบ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนไม่น้อย ยกตัวอย่าง คอนโดมิเนียมราคา 1.5 – 2 ล้านบาท เปรียบเทียบกับการเช่าอพาร์ทเมนท์เดือนละ 5,000 บาท ตกปีละ 60,000 บาท เรียน 4 ปี ก็ 2.4 แสนบาท แต่ถ้าจะซื้อก็ต้องลงทุนเป็นหลักล้าน พอเรียนจบแล้วต้องการจะขายก็ไม่รู้ว่าจะขายได้หรือเปล่า ไม่ได้ขายกันได้ง่ายๆ ทุกคน
หลายๆ คนมองว่า “ซื้อ” ดีกว่า “เช่า” เพราะสามารถเก็บไว้เป็นมรดกหรือลงทุนจากการที่มูลค่าที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในความเป็นจริงแล้ว คงไม่ใช่ทุกทำเลในกรุงเทพฯ ที่จะสามารถตอบโจทย์การลงทุนที่คุ้มค่าและครบทุกความต้องการได้เสมอไป และก็ไม่ได้หมายความว่า “เช่า” ดีกว่า “ซื้อ” ต้องบอกว่า “ไม่มีสูตรสำเร็จ” ตายตัว ต้องดูเป็นทำเลๆ ไป โดยทำเลที่มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคตน่าจะเป็นย่านมหาวิทยาลัยในเมืองที่มีความได้เปรียบในแง่ที่ว่าไม่มีพื้นที่เหลือให้เพิ่มซัพพลายเกิดใหม่ได้อีกแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ทำเลย่านมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นต้น
ไม่ว่าพ่อแม่ผู้ปกครองจะตัดสินใจ “ซื้อ” หรือ “เช่า” คอนโดมิเนียม สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ความพร้อมทางการเงินของแต่ละครอบครัว ต้องวางแผนให้ดีจะได้ไม่เกิดปัญหาการเงินตามมาในอนาคต
ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก :BLT