ถ้าพูดถึงผลไม้ที่มีประโยชน์และเป็นที่สนใจของสาวๆที่กำลังลดน้ำหนักและดูแลสุขภาพก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้าฟักยาวๆสีเหลืองที่หาทานง่ายและมีประโยชน์ในตัวเองอยู่มากเลยทีเดียวเชียวและสิ่งที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้คือข้าวโพดนั้นเอง ข้าวโพดมีประโยชน์มากมายที่เราบ้างคนที่ทานอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยด้วยซ้ำวันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับประโยชน์ของข้าวโพดกัน
ประโยชน์ของข้าวโพด
เพิ่มพลังงาน
ข้าวโพดเป็นพืชที่ให้คาร์โบไฮเดรตสูงมาก เพียงแค่เราทานข้าวโพด 1 ฝัก ก็เท่ากับเราทานข้าว 1 จานแล้ว ฉะนั้นนักกีฬาที่ต้องการพลังงานเสริมหรือหนุ่มสาวที่ผอมแห้งแรงน้อย เราขอแนะนำให้ทานข้าวโพดเป็นประจำ เพื่อช่วยให้มีพลังเต็มที่และมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ที่สำคัญ คาร์โบไฮเดรตที่มีอยู่ในข้าวโพดยังเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งย่อยสลายช้า ทำให้ร่างกายเราได้รับพลังงานต่อเนื่อง อิ่มนาน แถมยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ด้วย
อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุจำเป็นต่อร่างกาย
นอกจากจะเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตแล้ว ข้าวโพดยังมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการมากมาย ทั้งฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แมงกานีส ซิลีเนียม สังกะสี และเหล็ก ซึ่งสารอาหารพวกนี้จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต และยังช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง อีกทั้งข้าวโพดยังอุดมไปด้วยวิตามินมากมาย โดยเฉพาะวิตามินบีชนิดต่าง ๆ ที่มีอยู่เกือบครบวิตามินบีรวม เรียกได้ว่าแค่ทานข้าวโพดวันละฝักก็ทำให้ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วนแล้ว
ช่วยในการเจริญเติบโต
อย่างที่บอกไปแล้วว่าข้าวโพดนั้นอุดมไปด้วยวิตามินบีหลายชนิด โดยเฉพาะไทอะมีน (วิตามินบี 1) กับไนอะซิน (วิตามินบี 2) ซึ่งวิตามินทั้งสองเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ความคิด และสติปัญญา อีกทั้งยังมีกรดแพนโทเทนิก (วิตามินบี 5) ที่ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นผู้ที่อยู่ในวัยเจริญเติบโตไม่ควรพลาดทานข้าวโพดอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ก็ควรทานข้าวโพดบ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกน้อยมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยเกินไป แถมในข้าวโพดยังมีกรดโฟลิก ซึ่งช่วยต้านภาวะหลอดประสาทไม่ปิด หรือภาวะพิการแต่กำเนิดในทารกได้อีกด้วย
บำรุงสายตา
คนที่ใช้สายตาเยอะ ๆ หรือต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ควรทานข้าวโพดอย่างยิ่งเลย เพราะในข้าวโพดสีเหลืองมีแคโรทีนอยด์ที่โดดเด่นอย่างลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าสารทั้งสองชนิดนี้ เป็นสารที่ช่วยปกป้องดวงตาของเราให้ห่างไกลจากโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ ยิ่งข้าวโพดมีสีเข้มมากเท่าไรก็ยิ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้อยู่มากค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ในข้าวโพดยังมีสารเบต้า-แคโรทีนที่ช่วยผลิตวิตามินเอ ทำให้การมองเห็นของเราดีขึ้นได้
ดีต่อระบบย่อยอาหาร ป้องกันท้องผูก
ไฟเบอร์แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งมีหน้าที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด กับไฟเบอร์ชนิดที่ไม่ละลายในน้ำ ซึ่งจะช่วยให้ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย และการทำงานของลำไส้ดีขึ้น โดยในข้าวโพดมีไฟเบอร์ทั้งสองชนิดนี้ประกอบอยู่ ดังนั้นการทานข้าวโพดจึงช่วยให้เราขับถ่ายดีขึ้น ลดอาการท้องเสีย ลดอาการแปรปรวนของลำไส้ แถมยังป้องกันอาการท้องผูก ริดสีดวงทวาร และโรคมะเร็งลำไส้ได้ด้วยค่ะ
ป้องกันโลหิตจาง
แม้ข้าวโพดในปริมาณ 100 กรัม จะมีธาตุเหล็กอยู่ราว ๆ 0.52 มิลลิกรัม แต่นั่นก็นับว่าข้าวโพดเป็นธัญพืชอีกชนิดที่มีธาตุเหล็กที่สำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ดังนั้นหากไม่อยากเสี่ยงต่อภาวะโลหิตจางหรือสาว ๆ ช่วงมีประจำเดือนก็จัดข้าวโพดเป็นอาหารว่างบ้างก็ดีนะคะ
ลดความเสี่ยงอัลไซเมอร์
ข้าวโพดมีไทอะมีน (วิตามินบี 1) อยู่ค่อนข้างสูง ซึ่งการที่ร่างกายเราได้รับไทอะมีนเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ลงได้ เพราะไทอะมีนมีส่วนสำคัญต่อความจำ โดยเป็นสารประกอบสำคัญต่อเอนไซม์ที่มีผลต่อการเสริมสร้างเซลล์สมองและระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยกระตุ้นเซลล์ประสาทด้านการเรียนรู้และจดจำ อีกทั้งไทอะมีนยังเป็นสารที่จำเป็นต่อการสังเคราะห์สารสื่อประสาทในสมอง กระตุ้นให้สารสื่อประสาทในสมองผลิตได้เป็นปกติ จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงวัยที่สารสื่อประสาทจะถูกผลิตลดน้อยลง
ลดคลอเลสโตรอล
วารสารชีวเคมีทางโภชนาการ (Journal of Nutritional Biochemistry) ระบุว่า น้ำมันข้าวโพดช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) และลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ในร่างกายได้ เนื่องจากน้ำมันข้าวโพดมีฤทธิ์ต้านการสะสมของไขมันในเส้นเลือด ซึ่งส่งผลดีต่อระดับคอเลสเตอรอล โดยช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกายได้ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาอื่นพบว่า ข้าวโพดหวานก็สามารถควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายให้เป็นไปอย่างปกติด้วยสารอาหารอย่างวิตามินซี แคโรทีนอยด์ และฟลาโวนอยด์ด้วยนะคะ
ควบคุมเบาหวานและความดัน มีการศึกษาพบว่า การทานข้าวโพดช่วยให้อาการของผู้ป่วยเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน (ชนิดที่ 2) ดีขึ้น และช่วยควบคุมความดันโลหิต เพราะในข้าวโพดมีสารฟีนอลิก ซึ่งจะไปควบคุมกระบวนการดูดซึมอินซูลินและขับออกจากร่างกาย ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ อีกทั้งข้าวโพดยังมีแพนโทเทนิก ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ทำให้ต่อมหมวกไตทำงานได้อย่างปกติ ส่งผลดีต่อการหลั่งฮอร์โมนในร่างกายให้มีความสมดุล จึงช่วยป้องกันภาวะเครียดได้ด้วยล่ะค่ะ
ดูแลหัวใจ
ในน้ำมันข้าวโพดมีฤทธิ์ต้านการออกซิเดชั่นของไขมัน (Antiatherogenic effect) นั่นหมายความว่าร่างกายจะดูดซึมไขมันเลวได้น้อยลง ในขณะที่ไขมันดีก็จะถูกดูดซึมได้มากขึ้น ส่งผลให้ความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจลดลงไปด้วยนั่นเอง นอกจากนี้ น้ำมันข้าวโพดยังมีสัดส่วนไขมันอิ่มตัวที่พอเหมาะต่อความต้องการของร่างกาย แถมยังประกอบไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด เป็นไขมันชนิดดีที่สามารถแย่งพื้นที่ไขมันเลวในร่างกายได้ จึงถือว่าน้ำมันข้าวโพดมีสรรพคุณช่วยลดโอกาสเกิดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือด ช่วยลดระดับความดันโลหิต และลดความเสี่ยงโรคหัวใจวายได้อีกต่างหาก
ป้องกันมะเร็ง
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล สหรัฐอเมริกา พบว่า ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกจะปล่อยกรดเฟอรูลิก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยรักษาโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งตับได้ อย่างไรก็ตาม รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลับมองว่า กรดเฟอรูลิกเป็นเพียงแค่สารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีผลในการรักษามะเร็งสักเท่าไร แต่อย่างน้อยสารตัวนี้ก็ช่วยล้างพิษอนุมูลอิสระที่ไปทำอันตรายกับเซลล์ในร่างกาย ซึ่งก็อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลงไปได้ระดับหนึ่งค่ะ
บำรุงผิว
สาว ๆ ที่ชอบทานข้าวโพดสีเหลืองต้องมีความสุขแน่ ๆ ถ้าได้รู้ว่าข้าวโพดสีเหลืองมีเบต้า-แคโรทีน วิตามินซี และไลโคปีน ที่ช่วยซ่อมบำรุงให้ผิวแข็งแรง ป้องกันการถูกทำร้ายจากรังสียูวี ช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวเรียบเนียน และยังสามารถนำแป้งข้าวโพดไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยแก้อาการระคายเคืองตามผิวหนังได้