สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว aboutliving.asia วันนี้เรานำสารพัดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพที่หนุ่ม ๆ ควรรู้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น แล้วต้องมาเสียเงินและเสียเวลารักษาภายหลัง กันนะครับ
เราคงต้องยอมรับจริง ๆ นะครับว่า ผู้ชายอย่างเราเนี่ยส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ใจสุขภาพของตัวเองกันสักเท่าไร โดยมากมักจะมองว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ ปล่อยไว้เดี๋ยวคงดีขึ้น หรือไม่ก็ซื้อยากินเอง ทั้งที่ความจริงแล้ว หากปล่อยไว้อาจทำให้อาการหนักมากกว่าเดิม หรือจะดีกว่าหรือไม่ถ้าเรามาหาวิธีป้องกันและเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้สุขภาพแย่ลง
เอาเป็นว่าอันดับแรกเราลองมาดูก่อนดีกว่าครับว่าปัญหาสุขภาพผู้ชายที่หลายคนมองข้ามนั้นมีเรื่องอะไรบ้าง แล้วค่อยย้อนกลับมาสำรวจตัวเองดูว่าคุณเข้าข่ายอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านั้นหรือไม่ ?
1. ลงพุงเพราะเบียร์
หนุ่ม ๆ ทราบไหมครับว่า เบียร์ 1 ไพน์ (ประมาณ 568 มิลลิลิตร) ที่ดื่มเข้าไปนั้น ให้พลังงานมากกว่า 180 แคลอรีเลยทีเดียว ! ที่สำคัญยังไปยับยั้งการทำงานของเลปตินหรือฮอร์โมนความอิ่ม ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีหน้าที่ระงับความอยากอาหาร จึงมีผลทำให้คนดื่มเบียร์รู้สึกหิวมากขึ้น ผลที่ตามมาก็พุงใหญ่อย่างกับคนท้องนั่นเอง !!
ดังนั้นหากไม่อยากอ้วนลงพุงเพราะเบียร์ละก็ ทาง ดร.เดวิด ฮาสแลม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคอ้วน แนะนำให้เลิกดื่มเบียร์ไปเลย แต่ถ้ายังหักดิบไม่ได้ในทันทีก็ค่อย ๆ ลดปริมาณลงเรื่อย ๆ พร้อมกินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง ผักและผลไม้ รวมถึงออกกำลังกายด้วย
2. อาการแสบร้อนกลางอก
อาการแสบร้อนกลางอก เป็นอาการที่เกิดจากกรดไหลย้อนกลับขึ้นมาที่หลอดอาหาร ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากการกินอาหารในปริมาณมากเกินไปหรือนอนทันทีหลังกินอาหารเสร็จ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น การสูบบุหรี่จัด, ดื่มเบียร์มาก และมีน้ำหนักตัวเยอะ เป็นต้น
สำหรับวิธีรักษาอาการดังกล่าว เบื้องต้น ดร.อลัน ไซมอน แพทย์ชาวอังกฤษ แนะนำให้กินยาลดกรด ก็จะช่วยบรรเทาอาการได้ในระดับหนึ่ง ส่วนวิธีรักษาระยะยาวนั้น ควรเลิกสูบบุหรี่และดื่มเบียร์ให้น้อยลง พร้อมออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนักด้วย แต่ถ้ามีอาการแสบร้อนกลางอกมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ควรพบแพทย์ทันที เพราะกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาอาจทำอันตรายต่อหลอดอาหารจนนำไปสู่โรคมะเร็งหลอดอาหารได้
3. โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ดร.อลัน ไซมอน เผยว่า ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายที่มีช่วงอายุระหว่าง 40-70 ปี พบว่าเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากทั้งทางสภาพจิตใจ (เช่น ความเครียด, ความกังวล และความซึมเศร้า) และทางกาย (เช่น โรคความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน)
หากคุณผู้ชายคนไหนรู้สึกว่าอารมณ์และความต้องการทางเพศลดลงอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงมีอาการนกเขาไม่ขันละก็ บอกเลยว่าต้องพบแพทย์โดยด่วน เพราะไม่เพียงแค่ต้องตรวจโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แต่ยังต้องเช็กด้วยว่าเป็นโรคหัวใจหรือโรคเบาหวานด้วยหรือเปล่า เพื่อที่จะหาวิธีรักษาได้ทันท่วงที
4. นอนกรนเสียงดัง
ปกติแล้วผู้ชายมีอาการนอนกรนเสียงดังมากกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากแรงสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในช่องปากและลำคอระหว่างนอนหลับ ซึ่งทำให้เกิดเสียงดังผิดปกติ นอกจากนี้ คนที่มีน้ำหนักตัวเยอะ, ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ, สูบบุหรี่จัด รวมถึงเป็นโรคภูมิแพ้ ก็อาจทำให้นอนกรนได้เหมือนกัน ดังนั้นหากนอนกรนบ่อยเกินไปก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ รวมถึงอาจนำไปสู่โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองได้
ส่วนวิธีรักษาอาการนอนกรนสามารถทำได้โดยการลด ละ เลิกไลฟ์สไตล์ที่ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ ทั้งสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษาต่อไป
5. รู้สึกเหนื่อยและคอแห้งตลอดเวลา
ดร.อลัน ไซมอน บอกว่าอาการรู้สึกเมื่อยล้าและกระหายน้ำเป็นประจำ รวมถึงมีอาการอื่น ๆ อย่างปวดปัสสาวะบ่อย, รู้สึกเวียนหัว, คลื่นไส้ และคันตามตัว อาการเหล่านี้อาจหมายถึงสัญญาณว่าคุณเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
หากพบว่าตัวเองมีอาการข้างต้นมากกว่าหนึ่งอย่างขึ้นไป แนะนำให้พบแพทย์สำหรับตรวจเช็กว่าเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เพื่อหาวิธีรักษาโรคดังกล่าว เพราะถ้าปล่อยไว้นานจะทำให้รักษาได้ยากขึ้นและใช้เวลานานกว่าเดิม ทั้งนี้ยังแนะนำอีกว่าให้กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ พร้อมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
หนุ่ม ๆ คนไหนที่รู้ตัวว่ามีปัญหาฉี่ยากหรือฉี่บ่อยเกินไป อาจเป็นข้อบ่งชี้ว่าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมากก็เป็นได้ แถมสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ชายทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปจะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคต่อมลูกหมากโตสูง มิหนำซ้ำยังนำไปสู่โรคมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย โดยทาง ดร.ซาราห์ คอกแลน บอกว่า โรคมะเร็งต่อมลูกหมากมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ถึง 98 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้ที่ตรวจพบเจออาการในช่วงแรกตอนที่เชื้อมะเร็งยังไม่ลุกลามมากเท่าไร
7. มีความผิดปกติที่อัณฑะ
โรคมะเร็งอัณฑะสามารถพบได้บ่อยในผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 15-40 ปี ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งอัณฑะและมีภาวะลูกอัณฑะไม่ลงถุงแต่กำเนิด หากสังเกตเห็นว่าลูกอัณฑะมีอาการบวมผิดปกติและมีอาการเจ็บปวดบริเวณดังกล่าว รวมถึงรู้สึกหนักที่อัณฑะ ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะโรคมะเร็งอัณฑะสามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ ถ้ารีบทำการรักษาตั้งแต่ระยะแรก ๆ ที่รู้ตัว
8. อาการลำไส้แปรปรวน
อาการลำไส้แปรปรวน เรียกได้ว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เป็นโรคมะเร็งลำไส้เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมีอาการบ่งชี้อื่น ๆ อีก เช่น รู้สึกเจ็บท้อง, มีก้อนเนื้อที่ท้อง, น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ, เหนื่อยง่าย, คลื่นไส้บ่อย และหายใจลำบากด้วย ถ้าพบว่ามีอาการเหล่านี้อยู่บ่อย ๆ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาต่อไป เพราะยิ่งรักษาเร็วเท่าไร โอกาสที่จะหายเป็นปกติก็มีมากเท่านั้น
9. ปัญหาสุขภาพจิต
ด้าน ดร.อลัน ไซมอน เผยว่า 78 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ฆ่าตัวตายนั้นเป็นเพศชาย เท่ากับว่ามีผู้ชายทำการจบชีวิตตัวเองเฉลี่ยมากถึง 13 คนต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจาก โรคนอนไม่หลับ, ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง, ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน, ยากที่จะมีสมาธิ และรู้สึกสิ้นหวัง ที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิตขั้นรุนแรงได้ในที่สุด
โดย ดร.อลัน ชี้ว่าคนที่มีอาการเหล่านี้ควรยอมรับให้ได้ก่อนว่าตัวเองมีปัญหาด้านสุขภาพจิต จากนั้นให้เข้ารับคำปรึกษากับแพทย์เฉพาะทาง ที่สำคัญเพื่อนสนิทและคนในครอบครัวควรรับฟังปัญหาและระวังคำพูดให้มาก เพราะคนที่มีปัญหาดังกล่าวค่อนข้างมีอารมณ์อ่อนไหวมาก ถ้าได้ยินอะไรที่ไม่เข้าหูหรือมีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจ ก็อาจถึงขั้นคิดสั้นได้
เมื่อได้ทราบอย่างนี้แล้ว คุณผู้ชายลองย้อนกลับมาสังเกตตัวเองดูได้แล้วว่า มีข้อบ่งชี้ของอาการเหล่านี้บ้างหรือเปล่า แต่ถ้าไม่แน่ใจก็ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจให้เรียบร้อยเลยครับ ดีกว่าปล่อยไว้เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร เพราะอาจเป็นภัยเงียบที่เข้ามาทำร้ายคุณโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง
ข้อมูลจาก mirror.co.uk และ haamor.com