เนื่องด้วยวันพรุ่งนี้ ก็จะเป็นวันพระใหญ่ ซึ่งมีความสำคัญทางพระพุทธศาสนา แอดมินจึงได้นำบทธรรมคำสอน จาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แห่ง วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่ได้เคยเผยแผ่ ณ วัดสวนสันติธรรม ในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา มาให้คุณๆ ได้อ่านกันเพื่อให้เจริญสติพร้อมจิตที่มีความบริสุทธิ์ จะได้นำหลักปฏิบัติไว้เป็นข้อคิดในการดำเนินชีวิตต่อไปภายหน้า
=================================
เคยมีพระเล่าให้หลวงพ่อฟัง
ว่าท่านระลึกย้อนไปนานมาก
พบว่าหมื่นปีเนี่ย (นิสัย)คนแทบไม่เปลี่ยนเลย
ถ้าเปลี่ยนก็คือ(นิสัย)แย่ลง ไม่ค่อยดีขึ้น
(ที่ดีขึ้น)หายาก
อย่างนิสัยเราตอนเด็กๆนะ นิสัยเป็นยังไงล่ะ
เมื่อหมื่นปีก่อนส่วนใหญ่นิสัยอย่างนั้น
บางคนก็ขี้โมโห
บางคนก็ขี้โลภ เจออะไรก็อยากได้หมดเลย
บางคนก็ฟุ้งซ่าน
เคยเจอเด็กฟุ้งซ่านมั้ย แบบพูดทั้งวันเลย
คือสะสมมา ตอนเป็นเด็กเนี่ยยังไม่มีมารยา
ไม่รู้กติกามารยาทอะไร ตัวจริงๆมันออกมา
โตขึ้นนะ เริ่มถูกดัดแปลงให้อยู่ในกรอบ
ตัวจริงนะซ่อนไว้
ซ่อนไว้นาน จนลืมว่าตัวจริงเป็นยังไง
อย่างเราพอลงมือปฏิบัตินะ
เราศึกษาปฏิบัติ เราดัดแปลงตัวเองไปเรื่อยๆ
ห่างไกลจากตัวจริงไปเรื่อยๆ
..งั้นมาเรียนกับหลวงพ่อนะ
หลวงพ่อจะค่อยๆพาให้พวกเรากลับไปเห็น
จริงๆ ตัวเองเป็นยังไง
ร้ายกว่าที่คิด ทุกคนแหละร้ายกว่าที่คิดไว้
เพราะเราคิดเข้าข้างตัวเองเสมอแหละ
นี้พอเราเห็นธาตุแท้ของตัวเองนะ
เราค่อยเห็น จริงๆ มันเป็นยังไง
มันทำงานอะไร ทำแล้วมันมีผลยังไง
เราก็เห็นตัวเอง เรียนรู้ไป
กิเลสก็ไม่ใช่ของที่เกิดลอยๆ
กิเลสก็มีเงื่อนไขที่ทำให้เกิดตั้งหลายอย่าง
อย่างโทสะเนี่ย จะเกิดได้
ก็ต้องมีการกระทบอารมณ์
อารมณ์นั้นไม่ถูกใจ
แล้วจิตมีพื้นเดิม มีอนุสัยที่มีโทสะ
งั้นมันมีของเก่าอยู่ด้วย
งั้นอย่างบางคนมีอนุสัยขี้โมโหเนี่ย
พอกระทบอารมณ์ คนอื่นเค้าไม่โมโห
ไอ้นี่โมโหแล้ว งั้นพื้นเดิมมันมีอยู่
ตัวเนี้ยสะสมมา ตัวอนุสัย
อนุสัย/สันดานเนี่ย
มันเก็บทุกวันๆนะ พอกพูนไปเรื่อยๆ
อย่างเราจะเห็นคนแก่ที่ไม่ได้ฝึกกรรมฐาน
ตอนสาวๆ ไม่ค่อยขี้บ่น ตอนเด็กๆ ยังไม่ขี้บ่น
แต่งงานแล้วมีลูกนะ เรื่มขี้บ่นมากขึ้น
แก่แล้วบ่นมาก เคยชิน
มันสะสมความเคยชิน
คนไหนขี้หงุดหงิดนะ ค่อยๆสะสมไปเรื่อย
ต่อไป เจออะไรนิดนึงก็หงุดหงิด
เพราะมันสะสมเป็นอนุสัย
..เราภาวนานะ
เราไม่ได้ล้างกิเลสหรอก
เพราะกิเลสมันเกิดแล้วก็ดับไปๆ
แต่เราภาวนานะ มันจะค่อยๆเปลี่ยนอนุสัย
สันดานมันจะค่อยๆเปลี่ยน เปลี่ยนแปลง..
สันดานในใจเรา/อนุสัยในใจเรานะ
มันเหมือนรากของต้นหญ้า
พอมันได้น้ำได้แดด ได้อากาศถูกใจนะ
ต้นหญ้ามันก็งอกขึ้นมา
มันงอกกิเลสขึ้นมา มันปรุงกิเลส
กิเลสที่มันเป็นส่วนที่โผล่ขึ้นมาให้เราเห็นแล้ว
ไอ้ส่วนที่ซ่อนอยู่ข้างล่างนะ คือ”อนุสัย”
อย่างสมมุติ
เรามีหัวเผือกหัวมันอะไรซักอย่างหนึ่งนะ
เอาไปฝังดิน งอกมีใบ ออกใบมา
ได้แสงแดด ได้น้ำ ได้อาหาร
หัวมันก็ใหญ่ขึ้นๆ สะสมไป
งั้นอนุสัยมันสะสมไป
แต่ถ้าเราเอาหัวมันไปฝังดินไว้
มันงอกต้นขึ้นมา
มันงอกขึ้นมาทีไร เราตัดยอดมันไปเรื่อย
ตัดๆๆ งอกทีไร ตัดทุกทีเลย
หัวมันจะค่อยๆฝ่อไป มันหมดอาหาร
เวลาที่เราภาวนาก็แบบเดียวกันนะ
เราไม่ได้มุ่งล้างกิเลสไปเพื่อจะทำลายกิเลส
กิเลสเกิด-ดับๆไป “เรามีหน้าที่รู้มัน”
พอกิเลสเกิดขึ้นมาแล้ว เรารู้ทันนะ
กิเลสทำงานไม่ได้
คล้ายๆ งอกใบออกมา แล้วปรุงอาหารไม่ได้
อนุสัยจะค่อยๆ เหี่ยวแห้งลง
กิเลสนะ เกิด-ดับๆไปเรื่อย เราคอยรู้ทันไว้นะ
แต่ถ้าเราไม่รู้ทัน
โกรธเกิดขึ้น เราไม่รู้ทัน
ความโกรธครอบงำจิต
เราเกิดการกระทำกรรมตามความโกรธ
คิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย เกิดขึ้น
กิเลสอนุสัยที่ลงทุนสร้างกิเลสขึ้นมาเนี่ย
กำไรแล้ว มันได้กำไร มันสะสม
มันจะโกรธง่ายขึ้น
มันจะสะสมพลังของอนุสัยมากขึ้นๆ
งั้นเราภาวนานะ
ไม่ได้ว่าจะต้องดีวิเศษอะไรหรอก
แต่เรามีสติระลึกรู้
กิเลสอะไรเกิดขึ้นรู้ทัน
รู้ทันไปเรื่อย กิเลสทำงานไม่ได้
อนุสัยอุตส่าห์ผลิตกิเลสขึ้นมานะ
กิเลสทำมาหากินไม่สำเร็จซักที
พอเราค่อยๆฝึกไป สันดานมันจะเปลี่ยน
ไม่งั้นไม่เปลี่ยน หมื่นปีมันก็ไม่เปลี่ยน
เคยเป็นยังไง มันก็เป็นอย่างนั้น
เคยเซลฟ์จัด มันก็เซลฟ์จัดอยู่อย่างนั้น
จะเซลฟ์จัด มากขึ้นๆด้วย
เพราะธรรมชาติของจิตไหลลงต่ำ
ถ้าตามใจมันนะ
พอตามใจมัน ทำไมไหลลงต่ำ
ตามใจมัน มันก็ทำไปตามความเคยชิน
จิตมีธรรมชาติไหลไปตามความเคยชิน
มันเคยชินจะทำตามอนุสัยสั่ง
มันทำไปเรื่อยมันก็สะสม
ยิ่งคุ้นเคยที่จะทำอกุศลแบบเนี้ย มากขึ้นๆ
..งั้นพระพุทธเจ้าท่านก็สอน
บอก..กรรมชั่วเล็กๆน้อยๆ ก็ไม่ให้ทำ!
กรรมชั่วใหญ่ๆนั้น
มันเริ่มมาจากทำกรรมชั่วเล็กๆก่อน
อย่างทีแรกก็พูดเล่น พูดเพ้อเจ้อพูดเล่นไป
มันเคยชิน (จาก)พูดเล่น ก็เริ่มอำเค้า
อำไปอำมาชักโกหกเก่ง
จากจุดเล็กๆ ค่อยสะสม สะสมในเชิงที่แย่ๆ
ไม่สะสมในเชิงที่ดีๆนะ ถ้าปล่อย
งั้นจิตนั้นมีธรรมชาติไหลไปตามความเคยชิน
แต่ว่ามันเคยชินที่จะทำชั่ว
งั้นเราต้องมาอาศัยธรรมะของพระพุทธเจ้านะ
แล้วพัฒนายกระดับจิตขึ้นมา
ไม่เคยมีศีล ก็มีซะ
ไม่เคยฝึกสมาธิ ก็ฝึกซะ
ไม่เคยเจริญปัญญา ก็เจริญซะ
อาศัยกำลังของศีล สมาธิ ปัญญา เนี่ย
ค่อยแก่กล้าขึ้นเรื่อยๆ กิเลสมันก็อ่อนกำลังลง
อนุสัยก็อ่อนกำลังลงทำงานไม่ได้เต็มที่
=================================
resource by https://www.facebook.com/thaimahasati/posts/2055698634684676
photo by http://onthethames.net/wp-content/uploads/2016/07/onthethames_greenhithesunset_01-758×505.jpg