สำหรับผู้ที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่อิงแลนด์แดนอังกฤษ ‘แบงค์ ออฟ อิงแลนด์’ คงเป็นจุดดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย แต่การที่เอาแต่สนใจธนาคาร มักจะให้เกิดการมองข้าม บ้านใกล้เรือนเคียง ซึ่งก็คือ ‘เดอะ รอยัล เอ็กซ์เชนจ์’ ที่ถัดห่างกันไปแค่เพียงนิดเดียว ซึ่งนับว่าน่าเสียดายมาก
สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่หนึ่ง ทรงได้เสด็จเป็นองค์พระประธาน ในพิธีเปิด ‘เดอะ รอยัล เอ็กซ์เชนจ์’ ซึ่งได้รับการออกแบบโดย เซอร์ โทมัส เกรสแฮม หลังจากนั้นสถานที่แห่งนี้ ได้ถูกตั้งให้เป็นศูนย์กลางการค้าปลีก ในปี ค.ศ. 1660 แล้วเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ จนต้องปิดตัวและซ่อมแซมจนแล้วเสร็จในปี 1666 และถัดมากอีกเกือบสองร้อยปี ก็ได้ประสบเพลิงไหม้อีกครั้งในปี 1838
อาคารยุคที่เห็นในปัจจุบัน ได้ถูกออกแบบซ่อมแซมโดย เซอร์ วิลเลี่ยม ไทท์ และได้เปิดดำเนินการอีกครั้งในปี 1844 จนกระทั่งเวลาผ่านไป จนถึงเวลาต้องปิดปรับปรุงอีกครั้ง เนื่องจากเกิดความเสียหาย จากการถูกฟ้าผ่า จนกระทั่งเปิดทำการอีกครั้งได้ในปี 2001
การตกแต่งประดับประดา ด้วยรูปปั้นหน้าทางเข้าหลัก ถูกออกแบบเพิ่มเติม ให้ติดตั้งกระจกเปิดปิดอัตโนมัติ พร้อมประดับด้วยลวดลายจากวัสดุโลหะ ส่วนภายในถ้าคุณเดินเข้าไป จะพบโถงสูงที่ปูด้วยหินอ่อน และตั้งวางโต๊ะบนกระเบื้องสีเบจ รอบๆบาร์ที่อยู่ตรงกลาง เป็นที่สะดุดตา
มีร้านค้าเสื้อผ้าบูติก ทิฟฟานี่ แอนด์ โค และ โชว์รูม โอเมก้า ที่ชั้นล่าง ในแต่ละมุมของบันได ถูกออกแบบให้มองเห็นเป็นมุมกว้าง สามารถมองเห็นร้านอาหารที่ชั้นลอย และมีการประดับประดาด้วยภาพวาด เกี่ยวกับประวัติของลอนดอน
ยังไม่พอ คุณจะได้พบกับศิลปะงานปูนปั้น และความหรูหราปราณีต ของการตกแต่งภายใน แถมด้วยรูปปูนปั้นของ อับราฮัม ลินคอลน์ ในอาคาร เดอะ รอยัล เอ็กซ์เชนจ์ ซึ่งมีประวัติมาอย่างยาวนาน มาถึง300กว่าขวบปี จวบจนทุกวันนี้
ถึงแม้วันนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งอาจจะไม่สมใจของผู้ที่ต้องการ ดื่มด่ำกับศิลปะยุคดั้งเดิม แต่อย่างน้อย โครงสร้างหลักที่ยังคงอยู่ก็ยังมีอะไรให้ติดตามค้นหา อยู่ไม่น้อย อันนี้ต้องพึ่งสายตาที่แหลมคมของแต่ละท่านแล้วหละครับ ว่าท่านสามารถมองย้อนกลับไป จนถึง350ปีก่อน ได้มากน้อยแค่ไหน
The Royal Exchange WEB >> http://www.theroyalexchange.co.uk/heritage/
All Photo Credit >> http://londonist.com/london/history